.JPG)
หลวงปู่ศุข นามเดิมท่านชื่อ ศุข นามสกุล เกษเวช ต่อมาลูกหลานได้ใช้ เกษเวชสุริยา ท่านเกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน 4
ขึ้น 8 ค่ำ ปีวอก พ.ศ. 2390 ที่บ้านมะขามเฒ่า ( เรียกกันในสมัยนั้น ปัจจุบันเรียกบ้านปากคลอง ) ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์
จังหวัดชัยนาท โยมบิดาชื่อ นายน่วม โยมมารดาชื่อ นางทองดี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลนี้ มีบุตรและธิดาด้วยกัน 9 คน
( 1) หลวงปู่ศุข (2) นางอ่ำ (3) นายรุ่ง (4) นางไข่ (5) นายสิน (6) นายมี (7) นางขำ (8) นายพลอย (9) หลวงพ่อปลื้ม
หลวงปู่ศุข ท่านมีลุงคนหนึ่ง ชื่อ แฟง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลบางเขน จังหวัดพระนคร (ในสมัยนั้น) มีอาชีพทำสวนไม่มี
บุตร หรือธิดา ด้วยกัน จึงได้มาขอหลานจากโยมหลวงปู่ศุขไปเลี้ยงสักคน โยมหลวงปู่ศุข จึงได้อนุญาตให้เลือกเอา ลุงแฟง จึงเลือกเอา
คนโต หรือเรียกว่า คนหัวปี ก็คือ หลวงปู่ศุข เข้าใจว่าขณะนั้นอายุประมาณ 10 ขวบ เมื่อหลวงปู่ศุขไปอยู่กับลุงแฟง เจริญเติบโตที่
ตำบลบางเขน จนอายุได้ 18 ปี ก็ได้ภรรยาชื่อ สมบุญ อยู่ครองคู่กัน ได้ประกอบอาชีพทำสวน ต่อมาได้กำเนิดบุตรชาย 1 คน
ชื่อนายสอน การอุปสมบทของหลวงปู่ศุขนั้น ท่านได้อุปสมบทเมื่ออายุได้ 25 ปี ที่วัดบางเขน (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโพธิ์ทองล่าง )
โดยมีพระครู เชย จนทสิริ วัดโพธิ์บางเขน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระถมยาเป็นพระคู่สวด การอุปสมบทนี้มีลุงแฟง เป็นผู้อุุปการะทั้งสิ้น
ส่วนโยมบิดา มารดา ไม่ได้มาร่วมพิธีด้วย เพราะการเดินทางในสมัยนั้น ลำบากมากจากชัยนาท ถึงกรุงเทพฯ ก็กินเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน
จึงจะถึง เมื่อได้อุปสมบทแล้วอยู่กับพระอุปัชฌาย์เพ่ื่อศึกษาเล่าเรียน พระธรรมวินัยพอสมควรแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์ หาท่ีสงบฝึกวิปัสสนา
กัมมัฎฐาน และวิชาอาคมต่าง ๆ จากสำนักท่ีมีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยนั้นจนชำนาญดีแล้ว จึงกราบลาอาจารย์กลับมาบ้านเกิดของท่าน โดย
มาพักอยู่ที่วัดร้างแห่งหนึ่ง ข้างหมู่บ้านของท่าน ชื่อ " วัดอู่ทอง " ปัจจุบันเรียกว่า " วัดปากคลอง " ชาวบ้านแถวนััั้นมีความศรัทธา
เล่ื่อมใส จึงได้นิมนต์ ให้ท่านจำพรรษาอยู่ท่ีนั่น เพื่อที่ว่าจะได้สร้างวัดขึ้นมาใหม่ ดังนั้น ท่านจึงได้อยู่ ณ ที่วัดแห่งนั้นมาจนท่านมรณภาพ
ในระหว่างที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น ได้เริ่มพัฒนาในท้องถิ่น ให้เจริญรุ่งเรืองด้วย จากวัดร้างที่ไม่มีอะไรเลย จยถึง พุทธาวาส
ธรรมาวาส และสังฆวาส เป็นวัดที่สมบูรณ์แบบจนถึงทุกวันนี้ ยังมีอุโบสถ และมณฑป ปรากฎให้เห็นอยู่ ส่วนการอบรมสั่งสอนนั้นท่าน
ได้แนะแนวการประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ให้เห็นคุณและโทษของผลการปฏิบัติตน ในทางที่ดี หรือไม่ดีอย่างไร จนประชาชนแถวนั้นมี
ความประพฤติดี มีศีลธรรมเป็นส่วนมาก
อนึ่ง มีผู้กล่าวว่า ท่านมีวิชาอาคม เวทย์มนต์เก่งมาก สามารถเสกใบไม้ให้เป็นตัวต่อ ตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย
เสกก้านกล้วยให้เป็นงูได้ และเรื่องอภินิหารของขลัง คงกระพันชาตรี มีอีกมากมาย จนถึงกับ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ในราชวงศ์จักรี
ได้มาทดลองดูเห็นจริง จึงได้ยอดตนมอบตัวเป็นศิษย์ตั้งแต่นั้นมา และได้วาดภาพพุทธประวัติ ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองที่อุโบสถซึ่ง
ปรากฎให้เห็นจนทุกวันนี้
หลวงปู่ศุข ท่านมีเมตตามาก จึงมีศิษย์เป็นจำนวนมาก ท่ี่มาเรียนวิชาเหล่านี้ ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น
พระครูวิมลคุณากร และเป็นเจ้าคณะแขวง ( ปัจจุบันเรียกเจ้าคณะอำเภอ ) เป็นองค์แรกของอำเภอวัดสิงห์ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าเมื่อใด
ท่านมรณภาพเมื่อเดือน 1 ปีกุน พ.ศ 2466 ไม่ปรากฎวันที่แน่นอน คำนวณอายุได้ 76 ปี วันสวดพระพุทธมนต์ทำศพอยู่ 7 วัน 7 คืน
จึงประชุมเพลิง
ปัจจุบันชาวจังหวัดชัยนาท ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ได้ร่วมกันสร้างรูปหุ่นขี้ผึ้งไว้ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพื่อจะได้
ทำการสักการะบูชาโดยทั่วกัน กรมทหารเรือเห็นความสำคัญ จึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมมณฑป เมื่อ พ. ศ. 2545 ทุกวันนี้มีประชาชน
ทั้งใกล้ และไกลต่างจังหวัด หลั่งไหลมาสักการะบูชาทุก ๆ วัน มิได้ขาด วัดปากคลองมะขามเฒ่าจึงเป็นสถานที่ท่องเทียวที่สำคัญ
แห่งหนึ่งของจังหวัดชัยนาท
ที่มา : คัดลอกจากแผ่นพิมพ์ประวัติหลวงปู่ศุขโดยย่อ ซึ่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้พิมพ์เผยแพร่
พิมพ์ที่ร้านธัน-ญา (หลังป้อมตำรวจ) อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท โทร.056-430498